
การยืมภาษา
การยืมเป็นลักษณะของทุกภาษา ไม่ว่าภาษาใดที่ไม่มีภาษาอื่นเข้ามาปะปน
เมื่อแต่ละชาติต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันมาตั้งแต่อดีตกาลจนเกิดการนำคำหรือลักษณะทางภาษา
ของอีกภาษาเข้าไปใช้ในภาษาของตน
ประเภทของการยืม 1. ยืมเนื่องจากวัฒนธรรม กลุ่มที่มีลักษณะทางวัฒนธรรมด้อยกว่าจะรับเอาวัฒนธรรมจาก กลุ่มที่มีความเจริญมากกว่า 2. ยืมเนื่องจากความใกล้ชิด การที่สองกลุ่มใช้ภาษาต่างกันร่วมสังคมเดียวกันหรือมีอาณาเขต ใกล้ชิดกัน มีความสัมพันธ์กันในชีวิตประจำวันทำให้เกิดการยืมภาษาซึ่งกันและกัน 3. ยืมจากคนต่างกลุ่ม การยืมภาษาเดียวกันแต่เป็นภาษาของผู้ใช้ที่อยู่ในสภาพที่ต่างกัน อิทธิพลของการยืม การยืมทำให้ภาษาเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย มีอิทธพลต่อวงศัพท์ซึ่งการยืมทำให้ จำนวนศัพท์ในภาษามีการเพิ่มพูน เกิดวาระการใช้ศัพท์ต่างๆ กันเป็นคำไวพจน์ คือ คำที่มีความหมายเดียวกัน แต่เราเลือกใช้ตามโอกาสและตามความเหมาะสมทั้งยังมีประโยชน์ในการแต่งบทร้องกรองเพราะมีหลากคำ ประวัติศาสตร์การยืมของประเทศไทย ภาษาไทยมีการยืมจากภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนเป็นเวลานานแล้ว แม้ในหลักศิลาจารึก ของพ่อขุนรามคำแหงเมื่อปี พ.ศ. 1826 ก็ยังปรากฏคำยืมมาจากภาษาบาลีสันสกฤต และเขมรเข้ามาปะปนมากมายประเทศไทยมีการติดต่อกับต่างชาติมาช้านานย่อมทำให้มีภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทยเป็นจำนวนมาก เช่น เขมร จีน ชวา มลายู ญวน ญี่ปุ่น เปอร์เซีย โปรตุเกส ฝรั่งเศส พม่า มอญ อังกฤษ สาเหตุการยืมของภาษาไทย 1. ความสัมพันธ์ทางถิ่นฐาน การมีอาณาเขตติดต่อหรือใกล้เคียงกันกับมิตรประเทศ 2. ความสัมพันธ์ทางการค้า การติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับต่างประเทศ 3. ความสัมพันธ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม การเผยแพร่ ศิลปะ วรรณคดี ของต่างประเทศ สู่ประเทศไทย 4. การศึกษาและการกีฬา การที่นักเรียนไทยไปศึกษาที่ต่างประเทศทำให้รับวิชาความรู้ และวิทยาการมากมาย 5. ความสัมพันธ์ทางการฑูต การเจริญสัมพันธไมตรีซึ่งกันและกัน ระหว่างไทยกับต่างประเทศ |
คำยืมจากภาษาเขมร เขมรเป็นชาติที่มีความสัมพันธ์มานานทั้งททางการค้า การสงคราม การเมืองและวัฒนธรรม เขมรมีอิทธิพลเหนือดินแดนสุวรรณภูมิก่อนกรุงสุโขทัยหลายร้อยปี จากการมีอาณาเขตติดต่อกัน ทำให้เขมรภาษาเขมรเข้ามาปะปนกับภาษาไทยตั้งแต่สมัยโบราณ ภาษาถิ่นเขมรก็คล้ายคลึงกับภาษาพูด ของชาวอีสานใต้ของไทย ตลอดจนชาวภาคตะวันออกตามชายแดนไทย - กัมพูชาด้วยลักษณะภาษาเขมร 1. ภาษาเขมรเป็นภาษาคำโดด คำส่วนใหญ่มีเพียง 1 - 2 พยางค์ ใช้อักษรขอมหวัด มีพยัญชนะ 33 ตัว เหมือนภาษาบาลี คือ วรรคกะ ก ข ค ฆ ง, วรรคจะ จ ฉ ช ฌ ญ วรรคฏะ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ,วรรคตะ ต ถ ท น ธ วรรคปะ ป ผ พ ภ ม ,เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อ 2. ภาษาเขมรไม่มีวรรณยุกต์แต่อิทธิพลคำยืมบางคำให้เขมรมีรูปวรรณยุกต์ (+)ใช้ 3. ภาษาเขมรมรสระจม 18 รูป สระลอย 18 รูป แบ่งเป็นสระเดี่ยวยาว 10 เสียง สระผสม 2 เสียง ยาว 10 เสียง สระเดี่ยวสั้น 9 เสียง สระประสม 2 เสียง สั้น 3 เสียง 4. ภาษาเขมรมีพยัญชนะควบกล้ำมากมาย มีพยัญชนะควบกล้ำ 2 เสียง ถึง 85 หน่วย และพยัญชนะควบกล้ำ 3 เสียง 3 หน่วย การสร้างคำในภาษาเขมร 1. การสร้างคำโดยการเติมหน่วยคำเข้าข้างหน้าคำเดิม ทำให้คำเดิมพยางค์เดียวเป็นคำใหม่ 2 พยางค์เรียกว่าการลงอุปสรรค บ(บัง,บัน,บำ) เช่น เพ็ญ - บำเพ็ญ ,เกิด - บังเกิด ,โดย-บันโดย โดยเมื่อ บํ อยู่หน้าวรรคกะ หรือ เศษวรรคจะอ่านว่า "บัง" เช่น บังคม ,บังเกิด,บังอาจ เมื่อ บํ อยู่หน้าวรรคตะ อ่านว่า "บัน" เช่น บันดาล,บันโดย,บันเดิน เมื่อ บํ อยู่หน้าวรรคปะ อ่านว่า "บำ" เช่น บำบัด,บำเพ็ญ,บำบวง 2. การสร้างคำโดยการเติมหน่วยคำเข้ากลาง คำหลัก ทำให้คำเดิมพยางค์เดียว เป็นคำใหม่ 2 พยางค์เรียกการลงอาคม ก. การลง อำ น เช่น จง- จำนง,ทาย -ทำนาย ,อวย-อำนวย ข. การเติม อำ เช่น กราบ-กำราบ.ตรวจ-ตำรวจ,เปรอ-บำเรอ ค. การเปลี่ยน ข เป็น ก,ฉ เป็น จ และเพิ่มท เช่น ฉัน-จังหัน,แข็ง-กำแหง ง. การเติม ง,น,ร,ล เช่น เรียง-ระเบียง,เรียบ-ระเบียบ,ราย-ระบาย * เนื่องจากภาษาเขมรพยัญชนะคนละกลุ่ม เมื่อประสมตัวเดียวกันจะออกเสียงต่างกัน ซึ่งต่าง จากภาษาไทย ลักษณะของภาษาเขมรที่ไทยนำมาใช้จึงมีการเปลี่ยนแปลงรูปบ้าง เสียงบ้างตามแบบไทย ลักษณะคำเขมรในภาษาไทย 1. คำที่มาจากภาษาเขมรส่วนมากมาจากสะกดด้วย จ ญ ร ล เช่น เผด็จ ,บำเพ็ญ,กำธร,ถกล ตรัส 2. ต้องแปลความหมายจึงจะเข้าใจ ใช้มากในบทร้อยกรอง 3. เมื่อมาใช้ในภาษาไทย ข แผลงกระ เช่น ขจาย-กระจาย,ขโดง -กระโดง 4. นิยมใช้อักษรนำแบบออกเสียงตัวนำโดยพยางค์ต้นออกเสียง อะ กึ่งเสียง พยางค์หลังออกเสียงตามสระที่ผสมอยู่ เช่น สนุก ,สนาน, เสด็จ ถนน,เฉลียว 5. คำเขมรส่วนมากใช้เป็นราชาศัพท์ เช่น เสวย,บรรทม,เสด็จ,โปรด ประมวลคำยืมจากภาษาเขมรที่ใช้บ่อย
![]() ไทยและจีนเป็นมิตรประเทศที่ติดต่อเจริญสัมพันธไมตรี อีกทั้งยังมีการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมอันดีงามกันมาช้านานรวมทั้งศิลปะ สถาปัตยกรรมต่างๆ ด้วย ชาวจีนที่เข้ามาค้าขายตลอดจนตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน คนไทยเชื้อสายจีนก็เพิ่มพูนขึ้นมากมาย ภาษาจีนจึงเข้ามาสู่ไทยโดยทางเชื้อสาย นอกจากนี้ภาษาจีนและภาษาไทยยังมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันจึงทำให้คำภาษาจีนเข้ามาปะปนอยู่ใน ภาษาไทยจนแทบแยกกันไม่ออก ลักษณะภาษาจีน ภาษาจีนมีลักษณะคล้ายคลึงกับภาษาไทยมาก คือ เป็นภาษาคำโดดและมีเสียงวรรณยุกต์ใช้เช่นเดียวกันเมื่อนำคำภาษาจีนมาใช้ในภาษาไทยซึ่งมีวรรณยุกต์และสระประสมใช้จึงทำให้สามารถออกเสียงวรรณยุกต์และสระตามภาษาจีนได้อย่างง่ายดาย คำภาษาจีนยังมีคำที่บอกเพศในตัวเช่นเดียวกับภาษาไทยอีกด้วย เช่น เฮีย(พี่ชาย), ซ้อ(พี่สะใภ้), เจ๊(พี่สาว), นอกจากนี้การสะกดคำภาษาจีนในภาษาไทยยังใช้ตัวสะกดตรงตามมาตราตัวสะกดทั้ง 8 มาตราและมีการใช้ทัณฑฆาต หรือตัวการันต์ด้วยประมวลคำยืมจากภาษาจีนที่ใช้บ่อย
คำยืมจากภาษาสันสกฤต ภาษาสันสกฤตเกิดจากภาษาพระเวท มีกฎเกณฑ์รัดกุมมาก เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นภาษาที่ผู้มีการศึกษาสูงใช้ และเป็นภาษาทางวรรณคดีใช้เขียนคัมภีร์พระเวท เป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์มีผู้ศึกษาน้อยจนเป็นภาษาที่ตายไปในที่สุด การที่ไทยเรารับเอาลัทธิบางอย่างมาจากศาสนาพราหมณ์ ทำให้ภาษาสันสกฤตได้เข้ามามีบทบาทในภาษาไทยด้วย ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาที่ไพเราะและสุภาพมากจึงมักใช้ในบทร้อยกรองและวรรณคดี
การสร้างคำในภาษาสันสกฤต 1. การสมาส (ดูภาษาบาลี) เช่น ศิลป + ศาสตร์ = ศิลปศาสตร์, มานุษย + วิทยา = มานุษยวิทยา 2. การสนธิ (ดูภาษาบาลี) เช่น คณ + อาจารย์ = คณาจารย์, ภูมิ + อินทร์ = ภูมินทร์ 3. การใช้อุปสรรค คือ การเติมพยางค์ประกอบหน้าศัพท์เป็นส่วนขยายศัพท์ ทำให้ความหมายเปลี่ยนแปลงไป เช่น วิ - วิเทศ, สุ - สุภาษิต, อป - อัปลักษณ์, อา - อารักษ์ ข้อสังเกต 1. ภาษาสันสกฤตจะใช้สระประสม ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦา คำประสมสระไอเมื่อเป็นคำไทยใช้สระแอ (ไวทย - แพทย์) 2. ภาษาสันสกฤตจะใช้พยัญชนะ ศ ษ ฑ (บาลีใช้ ส, ฬ) เช่น กรีฑา, ศิลป, ษมา 3. ภาษาสันสกฤตมีพยัญชนะประสมและ รร ใช้ เช่น ปรากฏ, กษัตริย์ ; ครรภ์, จักรวรรดิ
ประมวลคำยืมจากภาษาสันสกฤตที่ใช้บ่อย
![]() คำยืมจากภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่แพร่หลาย สามารถใช้สื่อสารได้ทั่วโลก การที่ไทยติดต่อค้าขายกับอังกฤษมาช้านานจนสมัย ร.3 ไทยเริ่มมีการยืมคำจากภาษาอังกฤษมาใช้ในลักษณะการออกเสียงแบบไทยๆ ตลอดจนเจ้านายและข้าราชการที่ได้ศึกษาภาษาอังกฤษและมิชชันนารีก็เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ทำให้ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทในภาษาไทยมากขึ้น ร.4 ทรงเห็นประโยชน์ของการศึกษาภาษาอังกฤษมากด้วย ลักษณะภาษาอังกฤษ 1. ภาษาอังกฤษมีการเปลี่ยนแปลงรูปคำหรือเติมท้ายศัพท์ในลักษณะต่างๆ กันเพื่อแสดงลักษณะไวยากรณ์ เช่น การบอกเพศ พจน์ กาล (go-went-gone) หรือทำให้คำเปลี่ยนความหมายไป 2. คำในภาษาอังกฤษมีการลงน้ำหนัก ศัพท์คำเดียวกันถ้าลงน้ำหนักต่างพยางค์กันก็ย่อมเปลี่ยนความหมายและหน้าที่ของคำ เช่น record - record 3. ภาษาอังกฤษมีตัวอักษร 26 ตัว สระเดี่ยว(สระแท้) 5 ตัว สระประสมมากมาย 4. ภาษาอังกฤษมีพยัญชนะควบกล้ำมากมาย ทั้งควบกล้ำ 2 เสียง 3 เสียง 4 เสียง ปรากฏได้ทั้งต้นและท้ายคำ เช่น spring, grease, strange พยัญชนะต้นควบ desk, past, text พยัญชนะท้ายควบ การสร้างคำในภาษาอังกฤษ 1. การใช้หน่วยคำเติมทั้งหน้าศัพท์ (prefix) และหลังศัพท์ (suffix) โดยศัพท์นั้นเมื่อเติมอุปสรรค, ปัจจัย จะทำให้เกิดศัพท์ความหมายใหม่ หรือ ความหมายเกี่ยวกันก็ได้ การปัจจัย (suffix) เช่น draw (วาด) - drawer (ลิ้นชัก), write (เขียน) - writer (ผู้เขียน) การเติมอุปสรรค (prefix) เช่น -polite (สุภาพ) - impolite (ไม่สุภาพ), action (การกระทำ) - reaction (การตอบสนอง) 2. การประสมคำโดยการนำคำศัพท์ 2 คำขึ้นไปมาเรียงติดต่อกันทำให้เกิดคำใหม่ ความหมายกว้างขึ้น อาจใช้ นาม + นาม, นาม + กริยา, นาม + คุณศัพท์ ก็ได้ โดยคำขยายจะอยู่หน้าคำศัพท์ คำประสมอาจเขียนติดหรือแยกกันก็ได้ คำภาษาอังกฤษที่กลายเป็นคำยืมในภาษาไทยมักเกิดการเปลี่ยนแปลงตามระบบเสียงที่ แตกต่างกันโดย 1. การตัดเสียงพยัญชนะต้นคำและท้ายคำ 2. การเพิ่มเสียง มีทั้งเสียงสระและเสียงพยัญชนะ โดยเฉพาะสระระหว่างพยัญชนะควบ เช่น copy - ก๊อปปี้, meeting - มี้ตติ้ง เพิ่มเสียงพยัญชนะ slang - สแลง, screw - สกรู เพิ่มเสียงสระ 3. การเปลี่ยนแปลงเสียงพยัญชนะทั้งต้นคำและพยัญชนะท้ายคำ เช่น g = k-golf = กอล์ฟ, g หรือ j = y-jam = แยม gypsy = ยิปซี sh = ch-shirt = เชิ้ต, v = w-vote = โหวต เปลี่ยนเสียงพยัญชนะต้นคำ jazz = แจ๊ส, bugalow = บังกาโล เปลี่ยนเสียงพยัญชนะท้ายคำ
ประมวลคำยืมจากภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย
|
ประโยชน์และความดีงามใด ๆ ที่เกิดจากเว็บนี้ ขอมอบเป็นเครื่องบูชาพระคุณของครู-อาจารย์
ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ คุณครูผู้ประสาทวิชา และผู้เขียนตำราทุกท่าน
ครูภาทิพ
ก.ค.48
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น